หากสวนลอยบาบิโลน ถือเป็น 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ “การ์เดน บาย เดอะ เบย์” อาจเปรียบได้กับสวนสวรรค์แดนมหัศจรรย์แห่งโลกอนาคต ที่นำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาผสมผสานกับการออกแบบพื้นที่สีเขียวเพื่อการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน
สิงคโปร์ ประเทศที่พัฒนาด้านการก่อสร้างไม่เคยหยุด ทั้งสนามบินสุดไฮเทค อาคารสูงระฟ้า โรงแรมหรูหราทันสมัย สถานบันเทิงเริงรมย์อภิมหามหึมา แต่สิ่งหนึ่งที่เมืองนี้ไม่ละทิ้งคือ ความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้าที่ดูจะเติบโตงอกงามไปพร้อมกับสิ่งก่อสร้างแปลกตา จนอดทึ่งไม่ได้ว่าไฉนผู้คนบนเกาะนี้ถึงรักษาสิ่งแวดล้อมไว้ได้ดีเยี่ยม


การ์เดน บาย เดอะ เบย์ Gardens by the Bay (GB) ดำเนินงานโดย National Parks Board (NParks) มีพื้นที่รวม 101 เฮกเตอร์ หรือราว 1 ล้านตารางเมตร มูลค่าโครงการรวม 1,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือกว่า 25,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 3 สวนริมน้ำขนาดใหญ่ สวนเบย์ เซาท์ (Bay South) สวนเบย์ อีสต์ (Bay East) สวนเบย์ เซ็นเตอร์ (Bay Central)
สวนเบย์ เซาท์ ได้เปิดบริการแล้ว มีพื้นที่ 54 เฮกเตอร์ จัดแสดงพืชพรรณที่รวบรวมพันธุ์ไม้แปลกและหายากจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ในที่เดียวกัน เพื่อให้ชาวสิงคโปร์ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ได้เรียนรู้ธรรมชาติของพืชพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ รวมทั้งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนเมือง ซึ่งสะท้อนแนวคิดการพัฒนาเมืองของสิงคโปร์ จาก “สวนกลางเมือง” สู่การเป็น “เมืองในสวน”
สิ่งแรกในโครงการที่เห็นแล้วขอว้าว!!! ดังๆ คือ ต้นไม้ยักษ์ (Supertrees) จำนวน 18 ต้น มีความสูงตั้งแต่ 25-50 เมตร และมีทางเดินลอยฟ้า (Sky Walk) เชื่อมถึงกัน รอบลำต้นจัดเป็นสวนแนวตั้ง ปกคลุมด้วยไม้เลื้อยเขตร้อน พืชอิงอาศัย และเฟิร์น ในช่วงค่ำคืนจะมีแสงไฟหลากสีจากแผงโซลาร์เซลล์ เพิ่มความงดงามให้ต้นไม้ ส่วนด้านบนสุดของไม้ยักษ์บางต้นยังสร้างภัตตาคารหรูไว้ต้อนรับผู้มาเยือนได้อิ่มเอมกับอาหารรสเลิศพร้อมชมทัศนียภาพริมอ่าว
สวนเบย์ เซาท์ ได้เปิดบริการแล้ว มีพื้นที่ 54 เฮกเตอร์ จัดแสดงพืชพรรณที่รวบรวมพันธุ์ไม้แปลกและหายากจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ในที่เดียวกัน เพื่อให้ชาวสิงคโปร์ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ได้เรียนรู้ธรรมชาติของพืชพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ รวมทั้งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนเมือง ซึ่งสะท้อนแนวคิดการพัฒนาเมืองของสิงคโปร์ จาก “สวนกลางเมือง” สู่การเป็น “เมืองในสวน”
สิ่งแรกในโครงการที่เห็นแล้วขอว้าว!!! ดังๆ คือ ต้นไม้ยักษ์ (Supertrees) จำนวน 18 ต้น มีความสูงตั้งแต่ 25-50 เมตร และมีทางเดินลอยฟ้า (Sky Walk) เชื่อมถึงกัน รอบลำต้นจัดเป็นสวนแนวตั้ง ปกคลุมด้วยไม้เลื้อยเขตร้อน พืชอิงอาศัย และเฟิร์น ในช่วงค่ำคืนจะมีแสงไฟหลากสีจากแผงโซลาร์เซลล์ เพิ่มความงดงามให้ต้นไม้ ส่วนด้านบนสุดของไม้ยักษ์บางต้นยังสร้างภัตตาคารหรูไว้ต้อนรับผู้มาเยือนได้อิ่มเอมกับอาหารรสเลิศพร้อมชมทัศนียภาพริมอ่าว


ถัดไปคือ ฟลาวเวอร์ โดม (Flower Dome) และ คลาวด์ ฟอเรสต์ (Cloud Forest) เป็นเรือนกระจกขนาดใหญ่รูปเปลือกหอยแครงยักษ์ 2 ฝา ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 5 ปี ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีและเทคนิคทางวิศวกรรมชั้นสูง อาทิ กระจกเคลือบสารกันรังสี สามารถควบคุมแสงสว่างได้ เหนือกระจกมีที่บังแดดคล้ายใบเรือ ซึ่งจะเคลื่อนออกมาคลุมโดมอัตโนมัติเมื่อแดดจัด เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในโดมให้คงที่ราว 16 องศาเซลเซียส โดยมีระบบทำความเย็นด้วยของเหลว เรียกว่า “ระบบพลังงานร่วม” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน
ทั้งนี้ NParks ต้องดูแลต้นไม้ถึง 3 ล้านต้นทั่วประเทศ และตัดแต่งกิ่งก้านทุกเดือน ทำให้มีเศษไม้น้ำหนักราว 3 พันตันต่อเดือน
โดยจะนำเศษไม้มาเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวล เพื่อต้มน้ำแล้วใช้ไอน้ำขับดันกังหันผลิตไฟฟ้าไปทำความเย็นให้กับเรือนกระจกทั้ง 2 แห่ง ส่วนขี้เถ้าที่เหลือจากการเผาไม้ นำมาทำปุ๋ยใส่ต้นไม้อีกทอด นับเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด
ทั้งนี้ NParks ต้องดูแลต้นไม้ถึง 3 ล้านต้นทั่วประเทศ และตัดแต่งกิ่งก้านทุกเดือน ทำให้มีเศษไม้น้ำหนักราว 3 พันตันต่อเดือน
โดยจะนำเศษไม้มาเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวล เพื่อต้มน้ำแล้วใช้ไอน้ำขับดันกังหันผลิตไฟฟ้าไปทำความเย็นให้กับเรือนกระจกทั้ง 2 แห่ง ส่วนขี้เถ้าที่เหลือจากการเผาไม้ นำมาทำปุ๋ยใส่ต้นไม้อีกทอด นับเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด

ฟลาวเวอร์ โดม มีพื้นที่ 1.2 เฮกเตอร์ (ประมาณสนามฟุตบอล 2.2 สนาม) มีความสูง 38 เมตรนับจากพื้นจดยอดสูงสุดของโครงสร้าง มีพื้นที่ปลูกต้นไม้ 4,570 ตารางเมตร ภายในฟลาวเวอร์ โดม มี 2 ชั้น ลักษณะคล้ายสวนลอยฟ้า แบ่งเป็นส่วนจัดแสดงพันธุ์พืชที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนตามช่วงเวลา หรือฟลาวเวอร์ ฟิลด์ (Flower Field) และส่วนจัดแสดงไม้ยืนต้นที่มีต้นไม้ไฮไลต์ เช่น ต้นขวดยักษ์ Drunken Tree จากอเมริกาใต้ ซึ่งมีลำต้นหนาใช้กักเก็บน้ำไว้สู้กับสภาวะแห้งแล้ง ชนพื้นเมืองของอาร์เจนตินา จะนำลำต้นมาประดิษฐ์งานหัตถกรรมและสร้างเรือแคนู, ต้นมะกอกสเปนอายุกว่า 500 ปี, ต้นแอฟริกันเบาบับ (African Baobab) อายุหลายร้อยปีจากทวีปแอฟริกา และออสเตรเลีย


คลาวด์ ฟอเรสต์ มี พื้นที่ 0.8 เฮกเตอร์ (ประมาณสนามฟุตบอล 1.5 สนาม) มีความสูง 58 เมตร ไฮไลต์ของโดมก่อสร้างเป็นภูเขาน้ำตก (Cloud Mountain) สูงตระหง่าน กว่า 30 เมตร มีทางเดินลอยฟ้าโดยรอบ บนภูเขาจะปลูกพันธุ์ไม้หลาก หลายเลียนแบบธรรมชาติของป่าดิบชื้น โดมนี้มีต้นไม้สัญลักษณ์คือต้นกุหลาบพันปี สายพันธุ์หายาก ที่มีความสูงกว่า 10 เมตร รวมทั้งต้นไม้สำคัญอื่นๆ อาทิ ต้นสนดอว์น เรดวู้ด สายพันธุ์ใกล้เคียงสนเรดวู้ดยักษ์ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โตเต็มที่จะสูงถึง 50 เมตร, ต้นทัสมาเนียน ทรี เฟิร์น สายพันธุ์ใหญ่สุดสูงถึง 10-15 เมตร มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียและทัสมาเนีย นอกจากนี้ ภายในโดมยังมีโรงภาพยนตร์ และจัดแสดงนิทรรศการ เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้ผู้เข้าชมได้ศึกษาหาความรู้ด้วย

















